มีดาวเคราะห์น้อยอันตรายหลายดวงในระบบสุริยะที่มีวงโคจรตัดกับวงโคจรของโลก ไม่วันใดก็วันหนึ่งในอนาคตอาจเกิดเรื่องร้ายที่ไม่คาดฝัน การลงทุนทำโครงการเบี่ยงเบนเส้นทางดาวเคราะห์น้อยและดาวหางจึงคุ้มค่าอย่างยิ่ง ก่อนเกิดการสูญเสียครั้งใหญ่
แรกเริ่มเดิมทีโครงการศึกษาวิธีเบี่ยงเบนเส้นทางดาวหางหรือดาวเคราะห์น้อยนั้น เป็นโครงการ ร่วมทุนระหว่างองค์การอวกาศยุโรป (ESA) กับทาง NASA ของสหรัฐฯ โดยจะส่งยานอวกาศไปปรึกษาคนละลำแต่ต่อมาฝั่ง ESA ประสบปัญหาทางด้านเงินทุนจึงขอถอนตัวไป
ทาง NASA ยังคงดำเนินโครงการนี้ต่อไปและล่าสุดก็ได้ประกาศวันที่ที่จะส่งยานในโครงการนี้คือ DART (ย่อมาจาก Double Asteroid Redirection Test ) ออกเดินทางจากโลก 13:20 วันที่ 23 พฤศจิกายน 64 ที่จะถึงนี้ตามเวลาในประเทศไทย โดยพลังขับดันของจรวดฟอลคอน 9 ของบริษัท SpaceX จากฐานทัพอากาศเวนเดนเบิร์กในแคลิฟอร์เนีย
ยาน DART จะเดินทางไปไกลถึง 11 ล้านกิโลเมตร ซึ่งต้องใช้เวลาเดินทางนานเป็นปี เพื่อพุ่งเข้าชนดาวเคราะห์น้อย 65803 Didymos
ความพิเศษของดาวเคราะห์น้อย Didymos ก็คือ มันเป็นดาวเคราะห์น้อยขนาดราว 800 เมตรที่มีดวงจันทร์ดวงเล็กๆขนาด 170 เมตรโคจรอยู่ข้างๆ ดวงจันทร์เล็กดวงนี้ได้รับการตั้งชื่อเล่นไว้ว่า Didymoon และล่าสุดได้รับการตั้งชื่ออย่างเป็นทางการว่า “Dimorphos”
ดวงจันทร์ “Dimorphos” นี้เองคือเป้าที่ DART จะพุ่งเข้าชนด้วยความเร็วสูงถึง 24,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทั้งนี้ก็เพื่อศึกษาผลที่จะเกิดขึ้นภายหลังการเข้าชน
ดวงจันทร์ “Dimorphos” ที่มีขนาดพอๆกับมหาพีระมิดกีซ่า เมื่อถูกยาน DART มีน้ำหนัก 500 กิโลกรัมพุ่งชน คำนวนว่าจะส่งผลให้ดวงจันทร์นี้มีความเร็วเปลี่ยนไป 0.4 มิลิเมตรต่อวินาที และมีองศาเบี่ยงเบนไปเล็กน้อย
องศาที่เบี่ยงเบนไปแม้จะเล็กน้อย แต่เมื่อคำนวนกับระยะทางที่ค่อนข้างไกล องศาที่เบี่ยงไปก็จะกว้างขึ้นเรื่อยๆ ก็จะทำให้วัตถุอวกาศที่อาจเป็นอันตรายต่อโลก พุ่วเฉียดไปได้ในกรณีที่เราพบเหตุการณ์แบบนี้ในอนาคต
งานนี้จะมีดาวเทียมลูกบาศก์ Licia ที่จะติดอยู่ข้างยาน DART และแยกตัวออกไปถ่ายภาพระยะใกล้ในไม่กี่นาทีก่อนการพุ่งชน คอยบันทึกภาพและข้อมูลเอาไว้ด้วย