ศาสตราจารย์ เซอร์แอนดรูว์ พอลลาร์ด (Sir Andrew Pollard) หัวหน้ากลุ่มวัคซีนออกซ์ฟอร์ด ให้ข้อมูลสำคัญกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของทางสหราชอาณาจักรเมื่อวันอังคาร (29) ที่ผ่านมาว่า การฉีดวัคซีนครบโดสในจำนวนประชากรที่มากเพียงพอ ซึ่งโดยปกติแล้วจะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่สำหรับโรคระบาดทั่วไปที่เคยพบกันมานั้น ไม่อาจเกิดขึ้นได้จริงสำหรับโรคโควิดฯที่มีที่มาจากไวรัส SARS-COV-2 สายพันธุ์เดลตา
“สายพันธุ์เดลตายังคงแพร่เชื้อต่อไปได้ในร่างกายผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว วัคซีนเพียงช่วยสร้างภูมิต้านทานให้ไม่มีอาการป่วยหนักและไม่เสียชีวิต แต่ไม่อาจหยุดการเป็นพาหะนำโรคของคนผู้นั้นได้”
“ปัญหาคือ ไวรัสสายพันธุ์เดลตาไม่เหมือนโรคหัด เพราะถ้าเราฉีดวัคซีนโรคหัดให้ประชากรจำนวน 95% ได้ ก็จะเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ขึ้นมาปกป้องประชากรที่เหลือไม่ให้ติดเชื้อโรคหัดแม้ไม่ได้ฉีดวัคซีนก็ตาม” เซอร์แอนดรูว์ พอลลาร์ดกล่าวต่อที่ประชุมสมาชิกรัฐสภาจากทุกพรรคการเมือง APPG
“แต่สายพันธุ์เดลตาจะยังคงแพร่เชื้อต่อไปไม่ว่าเราจะฉีดวัคซีนจนครบโดสแล้ว และเราไม่มีอะไรที่จะหยุดการแพร่เชื้อนั้นได้ [อย่างสมบูรณ์]”
ข้อมูลจากการศึกษาล่าสุดที่จัดทำโดย Imperial College London ชี้ให้เห็นว่า ผู้ที่ได้รับวัคซีนครบโดสที่มีอายุระหว่าง 18-64 ปีมีความเสี่ยงที่จะลดการติดเชื้อลง 49% เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้รับวัคซีน ผลการวิจัยยังระบุด้วยว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้วมีแนวโน้มที่จะมีผลตรวจเป็นบวกประมาณครึ่งหนึ่งหลังจากสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ (3.84% ลดลงจาก 7.23%)
รมว.สาธารณสุขสหราชอาณาจักร กล่าวเมื่อวันอังคารเช่นกันว่า ทางกระทรวงเริ่มมีแผนที่จะเสนอให้ฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 กับกลุ่มเปราะบาง โดยจะให้ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่พร้อมๆ กัน (ประชากรในสหราชอาณาจักรฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว 75% ในเวลานี้)
แต่เมื่อถามคำถามว่าถึงเวลาที่คนอังกฤษจะต้องฉีดกระตุ้นเข็ม 3 หรือยัง คำตอบจากศาสตราจารย์พอลลาร์ดกลับเป็นไปอีกทาง เซอร์พอลลาร์ดซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการร่วมด้านการฉีดวัคซีนและการสร้างภูมิคุ้มกัน (JCVI) เห็นว่ายังไม่ถึงเวลาที่ต้องฉีดเข็มกระตุ้นแต่อย่างใด เว้นแต่จะมีหลักฐานยืนยันว่ามีจำนวนผู้ติดเชื้อที่ป่วยหนักเข้าโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นหรือมีจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
“แม้ว่าระดับแอนติบอดีที่เกิดจากวัคซีนจะลดลง แต่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเราก็น่าจะจดจำผลการฉีดวัคซีนไว้ได้หลายปี และให้การป้องกันขึ้นมาได้หากสัมผัสกับไวรัส” เซอร์พอลลาร์ดกล่าว “ดังนั้น ไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องตื่นตระหนกในขณะนี้”