จักรกลประหลาดนี้ ถูกค้นพบพร้อมเศษทรากวัตถโบราณจำนวนมากโดยนักดำน้ำในปี พ. ศ. 2443 ใต้ท้องทะเลลึกนอกชายฝั่งเกาะแอนติคิเธียราของประเทศกรีก และท่ามกลางเศษรูปปั้นและวัตถุโบราณจำนวนมากมายที่นำขึ้นมาจากใต้ทะเลนั้น ในวันที่ 17 พฤษภาคม พ. ศ. 2445 นักโบราณคดีชั้นนำ สไปรีดอน สไตส์ ได้แยกจักรกลประหลาดนี้ออกจากกลุ่มวัตถุอื่นๆที่นำขึ้นมาจากทะเล และพบว่ามันเป็นเศษซากของวัตถุที่ลึกลับที่สุดจากโลกยุคโบราณ
เครื่องจักรกลประหลาดนี้ถูกทิ้งไว้เฉยๆจนถึงปี พ.ศ.2501 ศาสตรจารย์ ดีเรค เอด ซอลลา ไพรซ์ ชาวอังกฤษผู้ที่ขณะนั้นเป็นนศาสตรจารย์ในสาขาประวัติศาสตร์-วิทยาศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเยล อเมริกา ได้ไปพบเครื่องจักรกลนี้วางอยู่ในตู้ที่พิพิธภัณฑ์เอเธนส์ เขารู้ทันทีว่าพบสิ่งมหัศจรรย์ที่สุดในโลกเข้าแล้ว
จักรกลนี้น่าจะมีอายุเก่าแก่ราว 150-100 ปีก่อนคริสตกาล สิ่งที่พบคือซากผุพังแตกหักของอุปกรณ์ทำจากสัมฤทธิ์ 82 ชิ้น บรรจุอยู่ในกล่องไม้ขนาด 30 เซนติเมตร มีมือจับสำหรับหมุนใช้งานที่ด้านข้าง มีเฟืองใหญ่น้อยที่ทำงานสัมพันธ์กันมากกว่า 30 ตัว แต่ส่วนประกอบกว่า 2 ใน 3 ของจักรกลอายุกว่า 2,000 ปี ได้สูญหายไปหมดแล้ว

ล่าสุดทีมนักวิทยาศาสตร์จากยูนิเวอร์ซิตี คอลเลจ ลอนดอน (ยูซีแอล) ของสหราชอาณาจักรนำโดย ศาสตราจารย์ โทนี่ ฟรีธ (Tony Freeth) ซึ่งได้พยายามศึกษาวิเคราะห์และประกอบสร้างกลไกดังกล่าวขึ้นมาใหม่ ได้ระบุว่า จักรกลนี้แท้จริงคืออุปกรณ์ทางดาราศาสตร์ที่สลับซับซ้อนอย่างไม่น่าเชื่อ มันทำงานโดยใช้หลักการคำนวณทางดาราศาสตร์ที่ประยุกต์มาจากแนวคิดของนักปรัชญา “พาร์เมนิดีส” (Parmenides) ซึ่งมีชีวิตอยู่ในช่วง 500 ปีก่อนคริสตกาล มันคือเครื่องพยากรณ์การเกิดสุริยุปราคา จันทรุปราคา เฟสสว่างมืดของดวงจันทร์ ตำแหน่งของดาวเคราะห์สำคัญต่างๆทั้ง 5 รวมทั้งดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ โดยใช้อัญมณีบนหน้าปัดแทนดาวแต่ละดวง (ดูภาพล่าง) เรียงโดยเอาโลกไว้ศูนย์กลาง ถัดไปคือดวงจันทร์ ดาวพุธ ดาวศุกร์ ดวงอาทิตย์ ดาวอังคาร ดาวพฤหัสและดาวเสาร์ตามลำดับ โดยดาวแต่ละดวงจะมีวงแหวนของตัวเอง กรอบนอกของหน้สปัทม์เป็นตำแหน่งของหมู่ดาวจักรราศีทั้ง 12

ทีมงานใช้แบบจำลองคอมพิวเตอร์สามมิติ เพื่อประกอบชิ้นส่วนจักรกลโบราณ “แอนติคิเธียรา” นี้ขึ้นมาอีกครั้ง โดยเริ่มจากชิ้นส่วนที่มีอยู่ แล้วเติมชิ้นส่วนที่สูญหายไป เพื่อให้มันมีโครงสร้างที่สนับสนุนกลไกการทำงานตามหลักดาราศาสตร์ของพาร์เมนิดีส และสุดท้ายก็สามารถสร้างจักรกลจำลองนี้ขึ้นมาในแบบวิชวลเอฟเฟคได้สำเร็จ โดยคากว่าน่าจะไม่พลาดเนื่องจากคอมพิวเตอร์สามารถบรรจุชิ้นส่วนวิชวลทั้งหมดลงในขนาดมิติของกล่องบรรจุกลไกของเดิมได้พอดี
ทีมงานตีพิมพ์ผลงานครั้งนี้ลงในวารสาร Scientific Reports.